วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

Junk Journal - Introduction

              One man's trash is another man's treasure. เป็นคำพังเพย ที่มีความหมายว่า สิ่งที่คนหนึ่งเห็นว่าไม่มีค่า (จะใช้คำว่าขยะก็คงได้) อาจจะเป็นสิ่งมีค่าของอีกคนก็ได้

              Junk Journal หรือแปลเป็นไทย คือ สมุดบันทึกจากขยะ ก็เช่นกันค่ะ เคยไหมคะที่เราเก็บเศษอะไรต่อมิอะไรที่สำคัญสำหรับจิตใจเราเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วหนัง แผนที่เก่าๆ เศษกล่องขนม  หรือไม่ก็ เจอรูปสวยๆในนิตยสาร หรือใบปลิว เลยตัดเก็บไว้ แต่แล้วก็ทำหายไปบ้าง วางลืมไว้จนคนที่บ้านรกหูรกตาแอบเอาไปทิ้งแทนบ้าง การทำ Junk Journal สามารถแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ

             ต่อไปจะเป็นเล่มที่หนึ่งเคยทำไว้นะคะ ตอนนั้นยังไม่รู้จัก  Junk Journal แต่พอเริ่มเรียนรู้ ก็คิดว่าเจ้าสองเล่มนี้สามารถกล้อมแกล้มเข้าอยู่ในหมวดหมู่นี้พอได้ ส่วน Junk Journalแบบแท้ๆ จะแนะนำในบล็อกถัดๆไปค่ะ

                 **เล่มนี้ หน้าปกตกแต่งจากกล่องขนมปัง กล่องช็อคโกแลต กับสิ่งละอันพันละน้อยที่สะสมไว้
ตัวสมุดตัดกระดาษมาจากสมุดฉีกกระดาษคราฟท์ที่ซื้องานบ้านและสวน กระดาษเนื้อค่อนข้างหนา เอาเย็บเป็นเล่มโดยการเจาะรู ใส่ห่วง และตกแต่งห่วงด้วยริบบิ้นโทนสีเดียวกับหน้าปก แต่ข้อเสียของการเย็บแบบนี้ คือ มันเปิดยากค่ะ ต้องแก้โดยเจาะรูให้ใหญ่กว่าห่วงมากกว่านี้ และระวังเวลาเปิดปิดบ่อยๆ เพราะกระดาษบริเวณรูที่ใส่ห่วงอาจเปื่อยขาดได้ค่ะ





                    **เล่มนี้เป็นเจอร์นัลที่รวบรวมเอกสารแจก ตั๋ว รูปภาพต่างๆจากการท่องเที่ยวค่ะ ใช้กระดาษคราฟท์เนื้อหนาเข้าเสริม ส่วนเอกสารเล็กๆ ที่มีสองหน้าและเนื้อกระดาษบางมาก อย่างใบเซียมซี ใช้วิธีใส่ซองซิปพลาสติกที่ทัวร์แจกแล้วเจาะรูเย็บเล่มค่ะ สังเกตสติ๊กเกอร์ถนอมเอกสารที่ติดบริเวณรูที่เจาะนะคะ อันนี้ได้จาก Daiso ค่ะ ถ้าไม่เน้นสีสัน ซื้อสีขาวตามร้านเครื่องเขียนมาแปะก็ได้ค่ะ เพื่อความประหยัดหนึ่งจะแปะเฉพาะเอกสารที่กระดาษบางๆ กลัวจะขาดง่ายค่ะ

                    บล็อกหน้า เราจะเริ่มเข้าสู่การทำ Junk Journalแบบจริงจังกัน ซีรีย์นี้ น่าจะยาวพอสมควรค่ะ เจอกันสัปดาห์หน้านะคะ

วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Handmade Journal

             สมุดบันทึก หรือ journal เล่มนี้ มีขนาด A5 หรือ A4 พับครึ่ง 
เย็บแบบ Coptic แบบเข็มคู่ ด้วยเชือกลินินเคลือบแว้กซ์ สี Dark Rust
กระดาษด้านในใช้กระดาษปอนด์ 110 gram หุ้มด้วยกระดาษอาร์ตสีครีม 120 gram ในแต่ละชั้น 
ตกแต่งเพิ่มเติมเล็กน้อยด้วย masking tape และลูกไม้ถัก

              ลายกระดาษที่เห็นในชุด มาจาก Ephemera Vintage's Garden ที่ซื้อจาก Etsy และ free download จาก blog มาตกแต่งเพิ่มด้วย masking tape นี่ปกหน้าและหลังค่ะ


ปกหน้า - หลัง ด้านใน ตกแต่งเพิ่มเติม และใส่ซองจดหมายไว้ใส่ของจุ๊กจิ๊กที่เข้าชุดด้วยค่ะ


ไดคัท ในชุดเดียวกัน ใส่ในซองไว้เผื่อใช้งาน

 กว่าจะได้เป็นเล่มนี้ ลองผิดลองถูกอยู่นานเหมือนกันค่ะ เพราะไม่เคยเย็บ Coptic เล่มใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ผลออกมาน่าพอใจมากค่ะ อาจเพราะเริ่มรู้น้ำหนักมือในการดึงด้ายแล้ว 

ยังมีชุด Printable Journal Kit ที่ซื้อมาอีก 3 ชุด เอาไว้ลองเย็บแล้ว จะหยิบมาให้ดูอีกนะคะ

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เรียนเย็บสมุด

                เย็บสมุดใช้เอง หรือ bookbinding มีข้อดีมากมายค่ะ ตั้งแต่เป็นงานอดิเรกที่เริ่มจากอุปกรณ์ไม่กี่อย่าง ราคาของอุปกรณ์ก็ไม่แพง หาได้ง่ายพอสมควร (ในกรณีที่ลองเริ่มทำดู ไม่ได้ใช้อุปกรณ์ที่ผลิตมาเพื่อการเย็บสมุดโดยเฉพาะ) นอกจากนั้น น่าจะเป็นงานอดิเรกที่ถูกใจคนชอบจด ชอบวาด แต่หาสมุดที่ถูกใจยากเหลือเกิน เพราะเราสามารถเลือกชนิดกระดาษ ความหนา หน้าปก และวิธีเย็บให้เหมาะสมกับการใช้งานของเราได้ค่ะ






                ส่วนวิธีการเย็บก็มีหลายวิธี เริ่มจากง่ายสุดๆ อย่างใช้ลวดเย็บกระดาษ เย็บแบบมุงหลังคา อันนี้จำแม่นเลยค่ะ ว่าทำตั้งแต่ยังเด็กๆ เย็บหนังสือการ์ตูนวาดเอง วิธีเย็บของหนึ่งเองในตอนนั้น ก็พับครึ่งกระดาษ A4 ปึกบางๆ คลี่ออก เอาตรงรอยพับไปวางบนยางลบ แล้วเอาลวดเย็บกระดาษกดลงไปบนยางลบ

                วิธีการเย็บที่คิดเอาเองว่าฮิตที่สุด ณ ตอนนี้ ก็ coptic stitch ค่ะ แบบที่เราเห็นเป็นลายเปียตรงสันนั่นแหละ ว่ากันว่าแค่เป็นวิธีนี้วิธีเดียวก็สามารถใช้เป็นอาชีพเสริมได้แล้ว วิธีนี้มีผู้สอนมากมายค่ะ ทาง youtube ก็มี




                มืออาชีพด้านเย็บสมุดที่เก่งที่สุดในตอนนี้ (ในความคิดตัวเอง) คือ ครูรีฟ แห่ง Reeves Bindery สมองครูจำทุกฝีเข็มของทุกลายได้อย่างไรก็ไม่รู้ เคยมีโอกาสไปเรียนกับครูโดยตรงอยู่หนนึงค่ะ ครูไม่ต้องดูโพยเลย แต่ลูกศิษย์ใหม่เอี่ยมพบว่ากลับมาอย่างมึนมาก เนื่องจากจำไม่ไหว จดวิธีเย็บแล้ว เอามาดูทีหลังก็ไม่รู้เรื่อง ทำเอาขยาดการเย็บสมุดไปเลย จัดงานนี้ไปรวมกับงานถักโครเชต์และนิตติ้ง ซึ่งเป็นกลุ่มงานอดิเรกที่ตัวเองคิดว่าไม่สามารถทำได้ในชาตินี้ แต่ยังคงแวะเวียนติดตามดูผลงานสวยงามของครูและลูกศิษย์ของครูเรื่อยๆ


                 แต่ แต่ แต่ มีอยู่วันนึงค่ะ  ครูตัดสินใจเปิดคอร์ส Unique Handmade book ทางออนไลน์ รุ่นที่ 1 มีเพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพในเฟซบุ๊กท่านหนึ่งลงเรียนด้วย และส่งรูปการบ้านเด้งมาที่หน้าจอ ตะแคงดูไปมา นอนก่ายหน้าผากคิดอยู่สามคืน ก็ตัดสินใจส่งข้อความไปถามครูว่า มึนๆโก๊ะๆอย่างหนึ่งจะเรียนได้ไหม ประกอบกับส่งข้อความไปปรึกษาเพื่อนรุ่นพี่ท่านนั้นด้วย (พี่อ๊อดแห่งเชียงใหม่) พี่อ๊อดและครูให้คำตอบและกำลังใจให้ฮึดลองอีกรอบ เลยตัดสินใจสมัครในรุ่นที่ 2 เป็นจุดเริ่มของอีก 3 คอร์สที่ลงเรียนต่อเนื่องกันมา คือ Paperdolls , French binding และ Travel Journal ถ้าใครเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊กของหนึ่งด้วย คงจะเคยผ่านตาการบ้านที่ส่งครูของหนึ่งมาบ้างแล้ว (ซึ่งก็ยังส่งได้ไม่ครบทุกเล่มในหลักสูตรหรอกนะ อิอิ)


                      ข้อดีของการเรียนออนไลน์คือ เราไม่ต้องจด ครูมีเอกสารวิธีเย็บ พร้อมภาพประกอบอย่างละเอียดให้ และถ้าเป็นคอร์สที่เน้นการตกแต่ง อย่าง Travel Journal ครูยังส่งลวดลายกระดาษมาให้อีกด้วย แต่ลูกศิษย์บางคนแถวๆนี้ก็อดไม่ได้ที่จะดัดแปลง เพราะไม่ชอบเหมือนใคร (แล้วใครจะอยากเหมือนเธอยะ) และถึงแม้เราจะพยายามถ่ายรูปการบ้านปกปิดรอยเย็บที่ไม่งามในบางเล่มก็ตาม ก็ยังโดนครูจับได้อยู่ดี 555 งานเย็บสมุดตอนนี้เลยกลับมาเป็นงานอดิเรกหลักอีกอย่างค่ะ


ถ้าใครสนใจการเย็บสมุด หนึ่งมีลิงค์น่าสนใจตามนี้ค่ะ ลองเข้าไปดูได้
Coptic Stitch Tutorial :Sea lemon http://www.youtube.com/watch?v=S2FRKbQI2kY
Coptic Stitch Tutorial : DekDee http://www.youtube.com/watch?v=LL1ZTkP5-7k

               

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แนะนำตัว

สวัสดีค่ะ

                        ชื่อ หนึ่งค่ะ  ตั้งแต่เด็กๆแล้วที่รู้สึกตัวว่ามีจุดอ่อนที่กระดาษ เครื่องเขียน และของจุ๊กจิ๊ก ไม่ว่าจะไปไหนก็มองหาตลอด สะสมทุกสิ่งอย่าง ตั้งแต่ สแตมป์ โบรชัวร์ แผนที่แจกฟรี กล่องขนมเปล่า จนคนข้างๆแซวว่า เป็นโรคจิตชอบเก็บขยะ กลับบ้าน

                        ยิ่งตอนนี้ค้นหาตัวเองเจอ ว่า รักงานฝีมือที่ทำด้วยกระดาษมากที่สุด ตั้งแต่ทำการ์ด สแครปบุ้ค เย็บสมุด ไปจนถึง altered art ยิ่้งเพิ่มอัตราสะสมรุนแรงยิ่งขึ้น โดยมีข้ออ้างว่า ต้องเก็บไว้ทำงานในอนาคต แฮ่

                        ก่อนหน้านี้ เคยทำงานออฟฟิศอยู่เป็นหลักสิบปีค่ะ (อย่ารู้เลยว่ากี่สิบปี อิอิ) ได้รับมอบหมายจากนายที่ทราบงานอดิเรก ให้ทำการ์ดให้นายใหญ่ในโอกาสพิเศษอยู่บ่อยๆ ได้รับคำชมและคำฝากชมให้อมยิ้มบ่อยๆ เลยแอบมีความฝันว่าอยากเปิดร้านกาแฟเล็กๆไว้สอนทำงานกระดาษ แต่ด้วยงานที่เยอะและยุ่งมากๆ ไม่มีเวลาสำหรับงานอดิเรก เลยต้องเก็บความฝันลงหีบไว้ก่อน พอสบโอกาส คนข้างๆอนุญาตให้ออกมาช่วยงานที่บ้านได้ ความฝันที่ว่าเลยถูกเอาจากหีบปัดฝุ่นเอาขึ้นหิ้งใหม่ค่ะ

                       ตอนนี้ก็กำลังเตาะแตะเดินไปสู่ความฝันอยู่ค่ะ ปีที่ผ่านมาได้รับโอกาสเยอะแยะมากมายที่ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะได้รับ ทั้งการได้รับติดต่อให้ไปเปิดเวิร์คชอป การลงคอลัมน์ในเดลินิวส์ การออกรายการคนไทยก็ทำได้ที่ช่อง H+ และล่าสุดรายการแจ๋ว ทางช่องสาม

                       ระหว่างนี้ก็รับทำงานให้ลูกค้า ร่วมกับเรียนรู้เพิ่มเติมทั้งจากครู และติดตามเทรนด์จากช่องยูทูปหรือบล็อคของคราฟเตอร์ต่างประเทศ ค้นหาสไตล์งานของตัวเอง หวังว่าซักวันจะสามารถเลี้ยงตัวได้จากงานที่ตัวเองรักค่ะ